วิธียืนกำหนด
การยืนกำหนด เป็นการฝึกปฏิบัติแนวสติปัฏฐาน ในหมวดว่าด้วยอิริยาบถ ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสไว้ในมหาสติปัฏฐานสูตรว่า ฐิโต วา ฐิโตมฺหีติ ปชานาติ แปลว่า เมื่อยืนอยู่ ก็มีสติกำหนดรู้ตัวว่ายืนอยู่ ดังนี้
คำกำหนด : ยืนหนอๆๆ
วิธีปฏิบัติ :
๑. ยืนตัวตรง ศีรษะตรง เท้าทั้งสองห่างกันเล็กน้อย
๒. สายตาทอดลงพื้น ห่างจากปลายเท้าประมาณ ๔ ศอก (หรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง หรือจะหลับตาก็ได้)
ต่อไปให้กำหนดเก็บมือ
๓. ขณะที่ยกมือซ้ายไขว้ไว้ด้านหลัง กำหนดว่า ยกหนอๆๆ ไปหนอๆๆ ขณะหลังมือซ้ายถูกบั้นเอว กำหนดว่า ถูกหนอ
๔. ขณะที่ยกมือขวาไปไขว้ไว้ด้านหลัง กำหนดว่า ยกหนอๆๆ ไปหนอๆๆ ขณะมือขวาถูกฝ่ามือซ้ายกำหนดว่า ถูกหนอ ขณะมือซ้ายจับข้อมือขวา กำหนดว่า จับหนอ
๕. ถ้าจะเอามือไว้ด้านหน้า กำหนดว่า ยกหนอ, มาหนอ, ถูกหนอ, ยกหนอ, มาหนอ, ถูกหนอ, จับหนอ, ทั้งซ้ายและขวาให้กำหนดอาการเคลื่อนไหวเหมือนกัน
๖. เอาสติกำหนดรู้ที่อาการยืน (คืออาการตั้งตรงของร่าง กายทั้งหมด ไม่จดจ่ออยู่จุดใดจุดหนึ่ง)กำหนดว่า ยืนนอๆๆ (ดูตัวอย่างดังรูป)
วิธีกำหนดเดินจงกรม ๑ ระยะ
คำกำหนด : ขวาย่างหนอ, ซ้ายย่างหนอ
วิธีปฏิบัติ :
๑. เอาสติตั้งไว้ที่อาการตั้งตรงของร่างกาย กำหนดว่ายืนหนอๆๆ
๒. กำหนดว่า ขวา พร้อมยกเท้าขวาขึ้นช้าๆ สูงประมาณ ๑ นิ้ว (คำบริกรรมกับอาการยกเท้าต้องพร้อมกัน)
๓. กำหนดว่า ย่าง พร้อมกับค่อยๆเคลื่อนเท้าไปข้างหน้า จนส้นเท้าขวาเลยปลายเท้าซ้าย ประมาณ๑นิ้ว แล้วหย่อนฝ่าเท้าลงสู่พื้น
๔. ขณะที่หย่อนฝ่าเท้าลงแล้วแตะถูกพื้น กำหนดว่า หนอ สิ้นสุดอาการเดิน (ให้วางเท้าลงพร้อมกันไม่เอาส้นเท้า หรือปลายเท้าลงก่อน)
๕. เท้าซ้ายก็ให้กำหนดเช่นเดียวกับเท้าขวา กำหนดว่า ซ้ายย่างหนอ (ให้มีสติรู้ว่า…นี่ขวากำลังย่างหรือนี่ซ้ายกำลังย่าง)
๖. คำกำหนด และสติที่รู้อาการเคลื่อนไปของเท้า ต้องให้ไปพร้อมกัน ไม่ก่อนไม่หลังกว่ากัน โดยกำหนดรู้อาการเคลื่อน ไหวของเท้าจากเบื้องหลังไปสู่เบื้องหน้า
๗. ขณะเดินจงกรมให้ระวังสายตา ไม่มองนั่นมองนี่ ให้เก็บสายตา จะเดินได้สมาธิดี
๘. ระวัง ? ไม่ยกเท้าสูง ไม่ก้าวขายาว ไม่กระดกเท้าไปข้างหลัง ไม่เอาปลายเท้า หรือ ส้นเท้าลงก่อน ไม่มองดูเท้า
๙. ไม่มองดูรูปร่างสัณฐานของเท้า แต่ให้ส่งความรู้สึกไปที่เท้า รับรู้อาการเคลื่อนไหวของเท้า ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดการเดิน
๑๐. ให้เดินจงกรมก่อนนั่งสมาธิทุกครั้ง จะทำให้การนั่งได้ดี ไม่ง่วง อินทรีย์เสมอกัน
๑๑. ขณะเดินจงกรมอยู่ ถ้ามีอารมณ์อื่นแทรกเข้ามา และเป็นอารมณ์ที่ชัดเจน เช่น ความคิด, เสียง ให้หยุดเดิน ก่อนแล้ว ตั้งสติกำหนดอารมณ์นั้นๆ ว่า คิดหนอๆๆ หรือ ได้ยินหนอ ๆๆ จนความคิด หรือเสียงนั้นๆ เบาไป หายไป จึงกลับมากำหนดรู้ที่อาการเดินต่อไป ไม่ควรเดินไปด้วยกำหนดอารมณ์อื่นไปด้วยจะเป็น ๒ อารมณ์ หรือกำหนดเพียง ๓ ครั้ง
วิธีกำหนดกลับตัว
เมื่อเดินไปจนสุดทางเดินแล้วให้กำหนดกลับตัวดังนี้
๑. ขณะยืนอยู่ สติรู้อยู่ที่อาการยืน (คืออาการตั้งตรงของร่างกาย) กำหนดว่า ยืนหนอ ๓ ครั้ง
๒. ตั้งสติไว้ที่เท้าข้างขวา ขณะกำหนดว่า กลับ ให้ยกเท้าขวาขึ้นนิดหนึ่ง แล้วหมุนไปทางขวามือ(คำว่า ขณะ คือคำนึกในใจกับอาการเคลื่อนไหวของร่างกายให้เริ่มต้นและสิ้นสุดพร้อมกัน ไม่ก่อนหรือหลังกว่ากัน)
๓. ขณะกำหนดว่า หนอ ให้ค่อยๆวางปลายเท้าลงแนบกับพื้น
๔. ขณะกำหนดว่า กลับ ให้ยกเท้าซ้ายขึ้นนิดหนึ่งแล้วหมุนไปทางเท้าขวา
๕. ขณะกำหนดว่า หนอ ให้ค่อยๆวางเท้าซ้ายลงกับพื้นเคียงเท้าขวา ให้ทำอย่างนี้จนตรงทางเดิน
๖. เมื่อกลับจนตรงทางเดินแล้ว ให้กำหนดว่า ยืนหนอๆๆ ๓ ครั้ง จึงกำหนด ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ เดินกลับทางเดิมต่อไป
๗. ขณะกลับตัว สติให้รู้อยู่ที่อาการหมุนกลับของเท้า หรืออยู่ที่ร่างกายที่กำลังหมุนกลับอยู่ แล้วแต่อาการใดชัดเจนก็ให้กำหนดรู้อาการนั้น
๘. การกำหนดกลับ จะกลับกี่ครั้งก็ได้ แต่อย่างน้อยไม่ควร ต่ำกว่า ๔ คู่ ( ๘ ครั้ง) จิตถึงจะเป็นสมาธิเร็ว
๙. ถ้ารู้สึกถึงต้นจิต (อาการอยาก) เช่น อยากจะเดิน หรืออยากจะกลับ ให้กำหนดต้นจิตก่อน โดย
กำหนดว่า อยากเดินหนอ ๆๆ หรือ อยากกลับหนอๆๆ แล้วค่อยเดิน หรือกลับตัว ( ดูตัวอย่างดังรูป)
วิธีกำหนดขณะลงนั่งสมาธิ
เมื่อเดินจงกรมไปจนครบเวลาที่กำหนดไว้แล้ว ให้เดินไปสู่ที่ปูอาสนะ ด้วยการเดินกำหนดระยะเหมือนเดิม และก่อนที่จะนั่งสมาธิให้กำหนดปล่อยแขนก่อนดังนี้
๑. ขณะยืนอยู่ สติกำหนดรู้ที่อาการยืน กำหนดว่า ยืนหนอๆๆ
๒. กำหนดว่า เคลื่อนหนอๆๆ พร้อมกับค่อยๆยกมือขวาออกจากข้อมือซ้าย (แล้วแต่ด้านที่จับกันไว้)
๓. กำหนดว่า เคลื่อนหนอๆๆ พร้อมกับปล่อยมือซ้ายลงข้างลำตัวช้า ๆ สติกำหนดรู้อาการเคลื่อนลงของมือตลอดสาย
๔. มือขวาก็กำหนดเช่นเดียวกับมือซ้าย โดยกำหนดว่า......เคลื่อนหนอๆๆ ลงหนอๆๆ ตามอาการ
๕. กำหนดรู้จิตที่อยากจะนั่ง กำหนดว่า อยากนั่งหนอ ๆๆ
๖. ขณะย่อตัวลง " ลงหนอ ๆๆ
๗ ขณะที่เข่าถูกพื้น " ถูกหนอ
๘. ขณะที่สะโพกถูกส้นเท้า " ถูกหนอ
๙. ขณะที่นั่งเรียบร้อยแล้ว " นั่งหนอๆๆ
๑๐. ขณะยกมือขวามาวางบนหัวเข่าขวา " ยก/ มา/ ลงหนอ/ถูกหนอ
๑๑. ขณะยกมือซ้ายมาวางบนหัวเข่าซ้าย " ยกหนอ, มาหนอ, ลงหนอ, ถูกหนอ
วิธีกำหนดขณะจะนั่งขัดสมาธิ
๑. ขณะนั่งอยู่ กำหนดว่า นั่งหนอๆๆ
๒. ขณะยกตะโพกขึ้น " ยกหนอๆๆ
๔. ขณะนั่งทับลงไป " ลงหนอๆๆ
๕. ขณะขยับดึงเท้าออกมา " ขยับ,ดึงหนอๆๆ
๖. ขณะยกมือขวา-ซ้ายมาไว้บนหัวเข่า " ยกหนอ, มาหนอ, ลงหนอ, ถูกหนอ
๗. ขณะยืดตัวขึ้นตั้งตัวตรง " ยืดหนอๆ,ตั้งหนอ
๘. ขณะหลับตา " หลับ(ตา)หนอ
๙. ขณะยกมือซ้ายมาไว้บนตัก " พลิกหนอ, มาหนอ, ลงหนอ, ถูกหนอ
๑๐. ขณะยกมือขวามาไว้บนตัก " พลิกหนอ, มาหนอ, ลงหนอ, ถูกหนอ
ข้อควรระวังในการเดินจงกรม
๑. ขณะกำหนดว่า ขวา ต้องยกเท้าขวา และขณะกำหนดว่า ย่าง เท้าต้องเคลื่อนไปข้างหน้า ขณะกำหนดว่า หนอ ฝ่าเท้าต้องลงถูกพื้นพร้อมกันทั้งส้นเท้าและปลายเท้า เรียกว่ากำหนด ได้ปัจจุบัน
๒. อย่าหลับตาเดิน ให้หรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง ส่วนสายตาให้ทอดลงพื้นประมาณ ๔ ศอก (ไม่เพ่งดูพื้น ให้ดูเฉยๆ แบบสบายๆ)
๓. ขณะเดินอยู่ ต้องไม่สอดส่ายสายตามองดูไปรอบๆตัว ให้สนใจเฉพาะแต่อาการเคลื่อนไหวของเท้าเท่านั้น
๔. อย่ายกเท้าสูง อย่าก้าวเท้ายาว อย่าเดินเร็ว อย่าเกร็งตัว ให้เดินสบายๆเหมือนเดินทั่วไป แต่ให้ช้าๆและ มีสติ
๕. อย่าก้มดูเท้า ให้ส่งแต่ความรู้สึกไปจับที่อาการเคลื่อนไหวของเท้าแต่ละขั้นตอนของการก้าวเท้าอย่างละเอียด ให้รู้ ต้น กลาง ปลาย
๖. ถ้าง่วง ให้เดิน ๑ ระยะ เร็ว ถ้าปกติให้เดินช้า ๆ เหมือนคนป่วย เพื่อสติจะได้ตามดูอาการของกายได้ทัน
๗. ให้ตามรู้อาการของเท้าทุกระยะ ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดการเคลื่อนไหว ต้น กลาง ปลาย เป็นตอนๆไป ไม่ต้องพูดออกเสียงให้ว่าในใจ
๘. ถ้าหากต้องการเปลี่ยนแขน ให้หยุดเดิน แล้วกำหนดต้นจิตก่อนว่า อยากเปลี่ยนหนอ ๓ ครั้งแล้วจึงค่อย ๆเปลี่ยน ให้กำหนดรู้ตามอาการเคลื่อนไหวทุกอย่าง อย่าให้ขาดสติ
๙. ขณะเดินอยู่ ถ้าเผลอจิตคิดไปข้างนอก, เหลือบตาไปมองข้างนอก ได้ยินเสียง, ได้กลิ่น เป็นต้น ให้หยุดยืนเท้าชิดกัน ตั้งสติกำหนดไปที่อารมณ์นั้นๆว่า คิดหนอ, เห็นหนอ, ได้ยินหนอ, ได้กลิ่นหนอ, ฯลฯ ให้
กำหนดจนกว่าอารมณ์นั้น ๆ จะหายไป แล้วกลับมาเดินจงกรมต่อไป อย่าเดินไปด้วยกำหนดไปด้วย จะเป็นสองอารมณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
OK